วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แทร็ก 5/19 (1)


พระอาจารย์
5/19 (540915C)
(แทร็กชุดต่อเนื่อง)
15 กันยายน 2554
(ช่วง 1)


(หมายเหตุ :  แทร็กนี้แบ่งโพสต์เป็น 2 ช่วงบทความ)

พระอาจารย์ –  ธรรมมันก็มีตลอดเวลา ไม่เห็นต้องหาธรรมตรงไหนเลย ทุกอย่างเป็นธรรม ทุกอย่างเป็นความจริง ทุกอย่างที่เป็นปัจจุบัน...จริงหมด

ให้ใจมาสอบทาน ตรวจทานความจริงในปัจจุบัน ก็จะเห็นคำตอบสุดท้าย หรือผลลัพธ์ของสิ่งที่มันตรวจทานในปัจจุบันนั้นว่า...เป็นไตรลักษณ์อย่างไร

การที่ใจเห็นไตรลักษณ์ หรือความเกิดความดับ ความไม่เสถียร ความแปรปรวนในตัวของมันเองบ่อยๆ มันจึงจะไปลบไปล้างความเข้าใจผิด ความเห็นผิด...ว่าเที่ยง ว่าเป็นของเรา ว่าเราเป็นเจ้าของ

ให้ใจเห็นซ้ำซาก เห็นปัจจุบันธรรมเกิดดับซ้ำซาก เท่านั้นแหละ เห็นนิดเห็นหน่อยก็เอา อะไรนิดอะไรหน่อย...มันผุดมันโผล่ขึ้นมา มันปรุง มันเริ่ม มันก่อตัว แล้วพอเข้าไปเห็นแล้วมันก็ดับไป

นั่น ดูไป แค่นี้ ไม่ต้องเอาให้วิจิตรพิสดารกว่านี้หรอก หรือจะให้เห็นว่าต้องมีอะไรประหลาดมหัศจรรย์หรือว่าเลิศเลอเพอร์เฟ็คกว่านี้หรอก 

แค่เห็นธรรมดา ความเกิดดับธรรมดานั่นแหละ นิดนึง ...อู้ย นี่แหละเหมือนแก้วแหวนเงินทองหรืออริยทรัพย์แล้ว สะสมอริยทรัพย์แล้ว

ดวงจิตดวงใจของใครผู้ใดผู้หนึ่งที่เห็นปัจจุบันธรรมเกิดดับ หรือเห็นไตรลักษณ์ในปัจจุบันเกิดดับ...ด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยความคิด ด้วยการจำ ด้วยการอ่าน ...พระพุทธเจ้าสรรเสริญว่าสมควรแก่การเกิดมา

แล้วถ้าเห็นเกิดดับบ่อยๆ ซ้ำซากในตัวของมัน พระพุทธเจ้ายืนยันการันตี มีอานิสงส์ถึงความไม่เกิดในชาตินั้นๆ  อานิสงส์ของไตรลักษณ์นะ อานิสงส์ของปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์นะ

ก็เห็นธรรมดา ...มันไม่ได้ประหลาดเห็นเป็นแก้วแหวนเงินทอง หรือเห็นเป็นสว่างหรือนิมิต หูย ได้นั่งคุยกับผีสางคางแดง เห็นสภาวะกระดูกแตกกระจัดกระจายเป็นใส อะไรมากมายก่ายกองปานนั้น

เห็นเกิดดับนี่ ยิบๆ ยับๆ พึ่บๆ พั่บๆ ...ระหว่างนั่ง ระหว่างฟัง นี่ มีเวทนาเกิด รู้สึกตรงนั้น เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย เดี๋ยวก็พอใจ เดี๋ยวก็ไม่พอใจ เดี๋ยวก็สบาย เดี๋ยวก็อึดอัด ดูมันเข้าไป

เขาแสดงธรรมให้เห็นทั้งวี่ทั้งวัน อาการเกิดดับยิบยับๆ เล็กๆ น้อยๆ  เหมือนสะเก็ดถ่าน สะเก็ดไฟกระเด็น ยุบๆ ยับๆ ตุ๊บตั๊บๆ ...เนี่ย ขันธ์ห้ามันเป็นก้อนกองไฟ รูปนามกายใจนี่เหมือนกองไฟ 

แล้วมันก็มีสะเก็ดกระเด็น พร้อบๆ แพร้บๆ อยู่ตลอดเวลา ...สะเก็ดไฟเกิดๆ ดับๆ เป็นอะไร เป็นของใครล่ะ มีใครเป็นเจ้าของ เป็นคุณเป็นโทษ เป็นดีเป็นร้าย เป็นถูกเป็นผิดอะไร

นี่ถ้ามันเห็นเป็นอย่างนี้ ความหมายมั่นในขันธ์น่ะมันจะมียังไง ...ใจที่มันเห็นอาการของขันธ์เป็นแค่การเกิดดับ การตั้งอยู่ชั่วคราว การสลับปรับเปลี่ยน การย้าย การหมุน การเวียน ต่อเนื่องกันไปอย่างนี้

ไม่เห็นต้องไปปฏิบัติธรรมเพื่อแสวงหาอะไรเลย แม้กระทั่ง ไม่มีอะไร ...ก็อยู่ที่รู้ที่เห็นไป  อะไรมาก็มา อะไรปรากฏ ...กำลังรู้เห็นเฉยๆ เอ้า มีคนเขามาเรียก วุ้บ เสียงก็ปรากฏ ...หงุดหงิด

หงุดหงิดก็เห็นว่าหงุดหงิด ไม่ได้ห้ามนะ ห้ามหงุดหงิดก็ไม่ได้ห้ามนะ ก็เห็นว่าหงุดหงิด ก็แค่นั้นน่ะ ...แล้วก็เออ เดี๋ยวถ้ามันเริ่มปรุงต่อ ก็เห็นว่ามันปรุงต่อจากความหงุดหงิด 

ดูซิ พอปรุงจากความหงุดหงิด ความหงุดหงิดก็ดับ หรือว่ามากขึ้น หรือว่าน้อยลง ...ก็ดูมันไป เขาแสดงธรรม คือแสดงอาการของขันธ์เกิดๆ ดับๆ สืบเนื่องออกมา จะเป็นลักษณะไหนก็ได้น่ะ 

ขันธ์ห้า ตาหูจมูกลิ้นกายใจมากระทบกับใจ มันก็เกิดความคิด ความจำ ความรู้ ความปรุง อารมณ์ หรือกระทบแล้วไม่มีขันธ์ ...มันก็มี แล้วแต่เขาจะเป็นไปน่ะ ก็ดูความเป็นไปของขันธ์น่ะ

จะไปเอาดีเอาเด่อะไรกับมัน จะไปเอาถูกเอาผิดอะไรกับขันธ์ เราไม่ใช่เจ้าของขันธ์ ...ก็แล้วแต่ขันธ์เขาจะสำแดง แล้วแต่ขันธ์เขาจะปรากฏการณ์ใดขึ้นมา ใจมันไม่รู้อ่ะ มันจะสร้างยังไงก็ได้ ใช่มั้ย

ก็ไม่ได้อยากน่ะ ก็มันเป็นของมันเอง มันหงุดหงิด ก็ไม่ได้เลือก ไม่ได้บอก ไม่ได้เตรียมบทนี้มาน่ะ สันดานมันมาปั๊บ ...ก็รู้ว่ามี มันเป็นเรื่องของมัน เป็นเรื่องของใจที่ไม่รู้ ไม่ใช่เรื่องของเรา

ก็เรื่องของใจที่ไม่รู้ มันสร้างมันปรุง มันเม็ค (make) มันเฟค (fake) ขึ้นมาเป็นหน้า เป็นผีหลอก ...เอ้า แล้วไงๆ ...ไม่ไงอ่ะ เดี๋ยวก็ดับ ...มีอะไรไม่ดับ

หาเก้าอี้มานั่งไว้ นั่งไม่ได้ก็เอาเชือกผูกรัดไว้ด้วยคำพูดของครูบาอาจารย์...ที่มันจะยึดไว้ ตรึงไว้ ...กำลังครูบาอาจารย์จะช่วยไว้ มันจะได้ไม่สาระแนออกไป แส่ส่ายออกไป

เพราะว่าธรรมชาติของความไม่รู้น่ะ มันจะบังเกิดความรู้ที่เรียกว่าศาสดาหัวแหลมขึ้นมาแนะนำ ชักจูง “ไอ้อย่างนี้ไม่ได้การ ไม่ได้เรื่องแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ตายแน่เลย ตกนรก หรือไปไม่ถึงฝั่งฝันแน่ๆ”

ให้ทันนะ ให้ทันไว้นะ ...อย่าฟัง ผีหลอกๆ ระวังผีหักคอ มันจะพาเราไปหักคอ ...บอกแล้วว่าวิญญาณน่ะ วิญญาณขันธ์น่ะ มันผีนะ ลอยไปลอยมานะ ...มันจะไปเกิดเป็นอะไรล่ะ 

มันจะไปสร้างภพสร้างชาติขึ้นมาเป็นลิเกตัวไหนไม่รู้นะ มันจะสร้างไอ้ตัวที่น่าเชื่อถือที่สุดมาให้เราเชื่อมันน่ะ อะไรก็ได้ที่มันจะชักจูงไปในทางใด ...อันไหนที่เราเท่าทันมันแล้ว มันก็เปลี่ยน 

เริ่มต้นน่ะ...อกุศลนี่ มันไม่ค่อยทำหรอก มันเห็นมันชัดน่ะ ...มันก็จะเปลี่ยนมาเป็นกุศล มันก็จะมาเป็นเรื่องของการปฏิบัติที่เลิศเลอเพอร์เฟ็ค สมบูรณ์แบบ รวดเร็ว 

แบบรถไฟฟ้าน่ะ ...ไปไหนก็ไม่รู้นะ แต่มันบอกว่ารถไฟฟ้ามาหานะจ๊ะ ก็มีรถขบวนนึง ตอนแรกก็เห็นนะว่าไปนรก ชัดเลยเขาเขียนป้ายไว้ “นรก” ...ก็ไม่ขึ้นๆ 

คนขับมันก็ฉลาด ...มึงไม่ขึ้นเหรอ กูก็กลับหน้าป้าย...ข้างหลังมันเขียนว่า “นิพพาน” มันก็เปลี่ยนหน้าป้าย ว่า “นิพพาน” มา ...เนี่ย พออันนี้ขึ้นทันทีเลย เอาดิ

ก็รถคันเก่าน่ะ แต่ติดป้ายกลับข้างใหม่ ...ก็ดูแล้วคงจะหลอกง่ายดี เนี่ย เจอคนขับรถแบบเล่ห์ลวง ล่อลวง ล่อหลอกได้ขั้นเลิศขั้นเทพน่ะ ...คนขึ้นกันเต็มรถเลยนะในโลกนี่ ทั้งที่...หูย นรกแท้ๆ มันยังขึ้นไปได้

เจอเล่ห์แบบ...มึงไม่ขึ้นเหรอๆ เดี๋ยวกูกลับป้าย “นิพพานนะจ๊ะ” ...อู้ฮู้ย อันนี้ไม่ต้องเรียกเลย กระโดดขึ้นแบบตาลีตาเหลือก กลัวตกรถ กลัวไปไม่ถึง ถ้าไม่ได้ขึ้นคันนี้ล่ะตายแน่ ไม่รอด

เพราะนั้น ก็ไม่ขึ้นน่ะ ...แน่ะ มันจะเอาอะไรมาล่ออีก ฮึ ...จะเอาอะไร ...ก็บอกว่าไม่มีอะไร ไม่ได้อะไร  

การเข้าถึงธรรมคือการเห็นธรรมตามความเป็นจริงว่าเกิดแล้วก็ดับ เกิดตรงไหนดับตรงนั้น ให้เห็นทุกปัจจุบันขณะ ปัจจุบันคือธรรม แค่นั้นแหละ แล้วก็สบาย ไม่ไป ไม่มา 

มันมาบีบแตรรอหน้าบ้านก็ไม่ไป ต่อให้เปลี่ยนคนขับแต่งเป็นพระมาก็ไม่ไป มีพระพุทธรูปติดหน้ารถก็ไม่ไป อือ เอาดิ ดูดิ๊ อะไรมันจะล่อ อะไรมันจะหลอก อะไรมันจะชวนให้ลุ่มให้หลงออกไป

ไม่ว่ามารทั้งห้าจะเป็นอะไร ขันธมาร กิเลสมาร เทวบุตรมาร มัจจุมาร อภิปุญญาภิสังขารมาร ...มารทั้งนั้นน่ะ รถด่วนพวกนี้ ไม่ว่าขบวนแรกหรือขบวนสุดท้าย ยังไงก็มาร

พระพุทธเจ้าบอก มัชฌิมาปฏิปทา ...นั่งเฝ้าประตู ลูกพ่อ ...ศีลสมาธิปัญญาอยู่ตรงเก้าอี้นั่นแหละ เอาให้แน่น ให้มันเป็นสัมมาอาชีโว ด้วยสัมมาทิฏฐิคือแค่รู้และเห็น

บากบั่น ไม่ย่อท้อ เรียกว่าสัมมาวายาโม ความเพียร เพื่อถึงที่สุด ด้วยการดำริออกจากกาม ออกจากการเกิดตาย ไม่จบไม่สิ้น ...สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ตั้งมั่น มั่นคง ไม่หวั่นไหวกับลิเกหลงโรงอีกต่อไป 

มรรคก็อยู่ตรงนี้ มรรคทั้งแปดจะเอาข้อไหนล่ะ ก็อยู่ตรงปัจจุบัน รู้อยู่เห็นอยู่นี่แหละ ...ไม่ไปวิ่งขึ้นรถขบวนไหนแล้ว ไม่มีอ่ะ ... ก็เห็นรถเป็นแค่...อาการของขันธ์ที่ปรากฏในปัจจุบันเท่านั้น 

มันเป็นเพียงแค่นั้น เป็นแค่กองสังขาร เป็นแค่สังขารขันธ์ เป็นแค่สังขารจิต เป็นแค่สังขารธรรม เป็นแค่สิ่งหนึ่ง เป็นแค่ปรากฏการณ์หนึ่ง ...ซึ่งก็ไม่ค่อยน่าเลื่อมใสสักเท่าไหร่แล้ว

เหมือนก้อนดิน เหมือนต้นไม้ ที่มันตั้งอยู่ระเกะระกะดาษดื่นน่ะ ไม่เห็นต้องวี้ดว้ายกระตู้วู้กับมันเลย มันจะเกิดขึ้นใหม่ หรือมันจะล้มไป ก็ไม่เห็นเดือดร้อนเลย 

ดีใจมั้ย เสียใจมั้ย ...เฉยๆ ...เพราะอะไร...เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเรา  เพราะอะไร...เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติของมัน ไม่ใช่เพราะมันเป็นความคิดของเรา ไม่ใช่เพราะมันเป็นอารมณ์ของเรา 

แล้วก็ไม่ใช่เพราะมันเป็นสภาวะของเรา ไม่ใช่เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเห็น ไม่ใช่เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเป็น ...เนี่ย มองจนมองเห็นเหมือนเป็นธรรมชาติที่รายรอบล้อมรอบเราน่ะแหละ

แก้ว...มันจะตก จะแตก ถ้าเป็นแก้วในห้าง มันก็ไม่เดือดร้อนหรอก ถ้าแก้วในบ้านเราน่ะเดือดร้อน ...ลูกคนอื่นเจ็บไข้ได้ป่วย เห็นทุกวัน ก็ อือ ไม่เดือดร้อน  อย่าให้เป็นลูกเรานะ เดือดร้อนขึ้นมาเลยเชียว 

ก็คนเหมือนกันน่ะ ทำไมลูกเราถึงเดือดร้อนล่ะ ทำไมลูกคนอื่นไม่เห็นเดือดร้อน หรือเดือดร้อนนิดนึงไม่เท่ากับลูกเรา มันก็คนนี่ เหมือนกัน มันก็ต้นไม้ต้นนึง

เนี่ย เมื่อใดที่เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เมื่อใดที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมตามธรรม ...อุปาทานไม่เกิด ทุกข์อุปาทานไม่เกิด 

เหลือเพียงแค่ทุกขสัจ หรือความเป็นจริงในโลก ที่มันเป็นอย่างนี้ ...ไม่เกิดก็ดับ ไม่ดับก็ตั้งอยู่ ตั้งอยู่ไม่มากก็น้อย มันมีอยู่อย่างนี้ ...เป็นธรรมดา

ใจที่แค่รู้แค่เห็นความจริงในปัจจุบันเช่นนี้เสมอๆ มันจะสะสมปัญญาญาณ ญาณวิมุติ ญาณทัสสนะ ...จนเป็นญาณวิมุติทัสสนะ ก็บังเกิดความหลุด ความพ้น 

หลุดพ้นออกจากความหมายมั่นในรูปธรรมนามธรรม...ภายในและภายนอก  ภายในคือสมมุติว่าของเรา ภายนอกคือสมมุติว่าของเขา

ใจมันก็จะถอน จะหลุด...ออกจากอุปาทานในรูปธรรมนามธรรมทั้งหลายที่รายล้อมใจ 

ความบริสุทธิ์พุทโธ ความหลุดพ้นเป็นสมุจเฉท ความไม่เข้ากลับไปเกลือกกลั้วกับขันธ์ มันก็บังเกิดด้วยความรู้แจ้ง ...เป็นความรู้ที่แจ้งในธรรมทั้งปวง

มันไม่ใช่ว่ามันต้องไปหาธรรมอันนี้ หรือต้องไปสร้างความเห็นนี้ด้วยการกระทำใดๆ ...แต่อยู่ที่กลับมาทำหน้าที่ยามที่ดี

เห็นมั้ย ถ้าบอกว่าให้กลับมาทำหน้าที่ยามที่ดี มันไม่ได้ให้ทำอะไร หรือไปสร้าง หรือไปหาอะไรเลย

 (ต่อแทร็ก 5/19  ช่วง 2)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น